บาหลี น่าน BALI NAN ที่พอมีภาพออกมาแล้วกลายเป็นกระแสไปทั่วอินเตอร์เน็ตเพียงชั่วข้ามคืน ทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่ผู้คนให้ความสนใจและแห่มาพิสูจน์ด้วยตัวเองกันเป็นจำนวนมาก มุมถ่ายรูปสุดปังที่ไม่ต้องไปถึงบาหลี ก็มีรูปถ่ายกับประตูสวรรค์ได้ แต่ก็มาพร้อมเสียงวิจารณ์และข้อโต้แย้งกันมากมาย ส่วนตัวเรามองไปที่ฝีมือการทำและแนวคิดการสร้างมากกว่านะคะ ถือว่าสวยงามอลังการมากจนนักท่องเที่ยวยอมยืนต่อแถวรอกันเลยล่ะ ภาพถ่ายที่ได้จะเป็นการใช้เทคนิคการถ่ายสะท้อนกับกระจก ให้ฟีลเหมือนเป็นภาพสะท้อนกับน้ำ ที่นี่สามารถมาถ่ายได้ทุกเมื่อเลยนะ โดยแต่ละช่วงเวลาก็จะได้วิวท้องฟ้าด้านหลังแตกต่างกันออกไป ส่วนช่วงเวลาที่แนะนำ คือ ช่วง 5 โมง – 6 โมงเย็น จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะท้องฟ้าที่เป็นเสมือนฉากหลัง จะผสมผสานระหว่างสีฟ้าเข้ากับสีเหลืองทองทอประกายจากดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน บอกเลยว่า ภาพที่ได้จะสวยงามเกินกว่าบรรยายเป็นคำพูดได้เลยล่ะ 

สถานที่ยอดนิยม สวรรค์ของเหล่านักกางเต็นท์ จุดหมายปลายทางยอดฮิต คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก ดอยเสมอดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานศรีน่าน สถานที่สุดโรแมนติก ที่สามารถชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งวันแบบ 360 องศา ยามเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น ยามเย็นชมพระอาทิตย์ตก แถมตอนกลางคืนยังมีทะเลดาวให้ชมอีกเต็มท้องฟ้า และถ้าหากคุณโชคดีจะสามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้อย่างงดงามและน่าอัศจรรย์เลยล่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีครบคัน ทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร, หมูกะทะ, ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ ช่วงที่แนะนำที่สุดคือช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว จะเป็นช่วงที่สวยที่สุดและคนเยอะทุกปี หมอกหนาตา อากาศหนาวเย็น ฟินมากกก ใครอยากมาเปลี่ยนบรรยากาศนอนกางเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติ แนะนำว่าให้โทรจองล่วงหน้า รับรองว่าที่นี่จะต้องกลายเป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของคุณแน่นอน 

เสาดินนาน้อย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 60 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเสาดินรูปร่างแปลกตาที่เกิดจากธรรมชาติ มองดูคล้ายกับเป็นภูเขาดินขนาดย่อม เป็นแนวผาที่ไม่สูง แอบมีรูปลักษณ์คล้าย ๆ กับบังเกอร์ กำบังแนวรบเหมือนกันนะคะ จากหลักฐานทางธรณีวิทยาพบว่า น่าจะเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกยุคหนึ่งในอดีต ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำกับลมเป็นบริเวณกว้างกว่า 20 ไร่ และจากหลักฐานที่พบได้ในบริเวณ คาดได้ว่าที่นี่เคยจมอยู่ก้นทะเล แล้วก็เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคหินมาก่อน นักธรณีจึงให้ข้อสรุปได้ว่า สถานที่แห่งนี้ มีอายุมานานกว่า 10,000 – 30,000 ปีมาแล้ว ว้าว เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่มีความคล้ายคลึงกับ”แพะเมืองผี” เลย ใกล้ ๆ กัน ยังมีอีกจุดที่ดินมีลักษณะแปลกไปต่างจากดินปกติ คือ คอกเสือ หากใครได้มาเที่ยวแถวนี้ อยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองจริง ๆ 

จุดชมวิวสะปัน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน ขุนเขาและลำน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำน่าน มียอดดอยที่สูงที่สุด คือ “เขาผีปันน้ำ” บริเวณจุดชมวิวห่างจากที่ทำการประมาณ 4.5 กิโลเมตร ทางขึ้นเป็นถนนดินแดง เหมาะสำหรับผู้ที่ขับรถโฟล์วิลหรือมอเตอร์ไซค์วิบาก รถยนต์ทั่วไปพอขับขึ้นได้แต่ไม่แนะนำให้ขับขึ้นช่วงฤดูฝน หากสนใจแนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ดีกว่านะคะ วิวด้านบนจะเป็นจุดที่มองเห็นหมู่บ้านสะปันได้ทั้งหมู่บ้านในมุมสูง พร้อมวิวทิวเขาที่ล้อมรอบหมู่บ้าน ยิ่งวันไหนที่ท้องฟ้าเป็นใจจะสามารถมองเห็นหมอกปกคลุมหมู่บ้านเสมือนเป็นหลังคาจากธรรมชาติเลยล่ะ สวยงามมาก ๆ นอกจากนี้ในบริเวณอุทยานฯ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ น้ำตกสะปัน, ลานกางเต็นท์นับดาว ฯลฯ ที่บรรยากาศดีสุด ๆ ช่วงวันที่ 1 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2566 อุทยานฯ ปิดฟื้นฟูระบบนิเวศ ใครอยากมาเที่ยวจุดนี้แนะนำหลังวันที่ 1 กรกฎาคม นะคะ บอกเลยว่าถ้ามาเที่ยวน่านแล้ว 

บ่อเกลือ เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดน่านที่อยู่สูงเสียดฟ้าท่ามกลางธรรมชาติรายล้อม เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งบรรยากาศธรรมชาติ, วิถีชีวิตของผู้คน และที่สำคัญ คือ เป็นแหล่งผลิตเกลือภูเขาแห่งเดียวในโลก อย่าง บ่อเกลือ สินเธาว์ บ่อเกลือที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ตั้งอยู่บริเวณกลางหมู่บ้าน ในอดีตเคยมีบ่อเกลืออยู่ในบริเวณรอบ ๆ ถึง 9 บ่อเลยทีเดียว เกลือของที่นี่จึงกลายเป็นสินค้าที่ระลึกไปโดยปริยาย วันแรม 9 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ชาวบ้านจึงจัดทำพิธีบวงสรวงขึ้น เพื่อขอบคุณเจ้าที่และผีที่ได้ปกป้องคุ้มครองและให้เกลือไว้ทำมาหากิน ปัจจุบันเปิดให้เข้าเยี่ยมชมกรรมวิธีการผลิตได้ทุกวันแบบไม่เสียค่าบริการ ยกเว้น ช่วงเข้าพรรษา ทางชาวบ้านจะปิดไม่ให้คนนอกเข้า-ออกโดยเด็ดขาดนะคะ 

จุดชมวิว 1715 สถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะถ่ายรูปเช็คอิน หรือ จอดพักรถในระหว่างทาง ชื่นชมบรรยากาศรอบ ๆ 1715 คือ ตัวเลขความสูงจากระดับน้ำทะเลของจุดชมวิว เป็นบริเวณที่สามารถยืนชมวิวความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มตา สูดอากาศได้แบบเต็มปอด วิวตรงหน้าเป็นภูเขาเรียงรายสลับทับซ้อน โดยเนินเขาที่เห็นชัดที่สุด คือ ดอยภูคา ที่มีความสูงเกือบ 2,000 เมตร หากอยากมาชมทะเลหมอกแนะนำช่วงฤดูฝน แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่สักนิดนึง หรือ ถ้าหากมาแล้วไม่เจอหมอก ก็จะได้พบกับความงามจากธรรมชาติแทน เนินเขาเขียวขจีทั่วบริเวณ เรียกว่าสวยงามกันคนละแบบ ยิ่งถ้าได้มาชมพระอาทิตย์ตกจุดนี้ด้วยละก็ โรแมนติกสุด ๆ เลยล่ะ